แนวโน้มการใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในศตวรรษที่
21
1.ให้นิสิตบอกวิธีการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศจากแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายนั้นมีมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ดังนั้นในการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้ก็สามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศได้ทั่วโลก
โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ดังนี้
· ใช้โปรแกรมค้นดูเว็บ หรือโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser)
คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่ผู้ใช้สามารถสืบค้นข้อมูลสารสนเทศและปฏิสัมพันธ์กับข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวซึ่งได้มีการจัดระบบในการให้บริการบนเว็บไซต์ซึ่งอาจจะมีการออกแบบและเขียนเว็บไซต์ดังกล่าวด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ต่าง
ๆ เช่น ภาษา HTML ภาษา CSS หรือภาษา XHTML เป็นต้น สาหรับโปรแกรมWeb Browser ที่ได้รับความนิยมทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
เช่น Internet Explorer Mozilla Firefox และ Google
Chrome เป็นต้น
· ใช้โปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
หรือ
เสิร์ชเอนจินซึ่งเป็นโปรแกรมในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ
ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและระบบเว็บไซต์ต่าง ๆ
เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ข้อมูลที่ต้องการค้นหา
ซึ่งผู้ใช้สามารถสืบค้นข้อมูลสารสนเทศได้ทั้งข้อความ รูปภาพ สื่อมัลติมิเดีย
ภาพเคลื่อนไหว วีดิโอ หรือข้อมูลสารสนเทศอื่น ๆ
ตัวอย่างโปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูลที่ให้บริการ ได้แก่ www.google.com เป็นต้น
2.URL คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับ
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator (URL) เป็นการระบุตำแหน่งของไฟล์ที่เข้าถึงได้บนอินเตอร์เน็ต
ประเภทของทรัพยากรขึ้นกับโปรโตคอลประยุกต์บนอินเตอร์เน็ตที่ใช้ การใช้โปรโตคอลของ World
Wide Web หรือ Hypertext Tranfer Protocol ทรัพยากรคือเพจ
HTML, ภาพ, โปรแกรมอินเตอร์เฟซ เช่น Java
applet หรือไฟล์ที่ HTTP โดย URL จะเก็บชื่อของโปรโตคอลที่ต้องการ เพื่อเข้าถึงทรัพยากร ซึ่ง Domain
name เป็นการระบุคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ต
และการอธิบายลำดับชั้นของตำแหน่งไฟล์ในคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้สามารถระบุที่อยู่ของทรัพยากรบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า
URLs (Uniform Resource Locators) ซึ่งมีส่วนประกอบด้วย 2
ส่วน ได้แก่
1.1 โปรโตคอล (Protocal) คือ
แหล่งที่อยู่ของทรัพยากรซึ่งโปรโตคอลพื้นฐานสาหรับโปรแกรมค้นดูเว็บ คือ http
1.2 ชื่อโดเมน (Domain name) คือ
ชื่อที่ใช้เรียกเพื่อระบุลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อไปค้นหาในระบบ เพื่อระบุถึง
ไอพีแอดเดรส (IP-Address) ของชื่อดังกล่าว
ซึ่งมีผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน
บางครั้งเราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได้ เช่น www.buu.ac.th,
www.ch3.com เป็นต้น
ซึ่งชื่อโดเมนนี้จะมีการจัดประเภทของหน่วยงานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ดังนั้นผู้เข้าถึงข้อมูลสารสนเทศจึงจาเป็นต้องรู้ชื่อโดเมนส่วนสุดท้ายซึ่งจะมีการคั่นด้วยมหัพภาค
(.) หรือจุด (Dot) ซึ่งเรียกโดเมนส่วนสุดท้ายนี้ว่า
ชื่อโดเมนในระดับบนสุด (Top Level Domain : TLD)
3. หลักการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีอะไรบ้าง
ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากมายมหาศาลซึ่งในการสืบค้นข้อมูลนั้นต้องใช้วิจารณญาณเพื่อการตรวจสอบและประเมินเพื่อเลือกใช้ข้อมูลสารสนเทศได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดในการนาไปใช้
ดังนั้นประเด็นในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ประกอบด้วย 3 ประเด็น
วัตถุประสงค์ความต้องการในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
คุณภาพของเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ และเนื้อหาที่ใช้ในการเผยแพร่
ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
3.1 ประเมินวัตถุประสงค์ความต้องการในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้ ประกอบด้วย
1.1 ผู้ใช้ต้องวิเคราะห์ความต้องการของตนในการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
1.2 ผู้ใช้แยกแยะประเด็น
และเลือกหัวข้อที่ต้องการสืบค้น
3.2 พิจารณาด้านคุณภาพเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ ได้แก่
2.1 ข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน
เว็บไซต์หรือไม่
2.2 ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวนั้นเป็นสาระเนื้อหาตรงตามวัตถุประสงค์ใน
การสร้าง หรือเผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
หรือไม่
2.3 เว็บไซต์ดังกล่าวได้ให้ที่อยู่ e-mail
address ในการให้ผู้อ่านติดต่อ สอบถามหรือไม่
หรือสามารถติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ หรือไม่
2.4 เว็บไซต์ดังกล่าวสามารถเชื่อมโยง (link) ไปยังเว็บไซต์อื่นที่อ้างถึง ได้หรือไม่
2.5 เว็บไซต์ดังกล่าวมีการปรับปรุงข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องหรือไม่
2.6 เว็บไซต์ดังกล่าวมีช่องทางให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็น
2.7 เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
2.8 เว็บไซต์ดังกล่าวควรมีการระบุข้อความว่า
เป็นเว็บไซต์ส่วนตัวหรือระบุแหล่งที่ให้การสนับสนุนในการสร้างเว็บไซต์
2.9 เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ
ใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
3.3 พิจารณาด้านเนื้อหาข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ที่นาเสนอ ได้แก่ การใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
3.1 ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวมีการบอกแหล่งที่มาของข้อมูลหรือมีการอ้างอิง
เนื้อหาที่นาเสนอบนเว็บไซต์หรือไม่
3.2 เนื้อหามีการระบุวันเวลาในการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์
3.3 เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ขัดต่อกฎหมาย
ศีลธรรม และจริยธรรม
3.4 เนื้อหาข้อมูลสารสนเทศระบุวันเวลาในการปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุดหรือไม่
3.5 เนื้อหาดังกล่าวในข้อมูลสารสนเทศมีการระบุชื่อผู้เขียนบทความหรือผู้ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์หรือไม่
3.6 คุณภาพของเนื้อหาสาระในการเขียนเนื้อหาข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์
มีความถูกต้อง ประกอบด้วย
3.6.1 สานวนภาษาที่ใช้ในเขียนเพื่อการสื่อสารสารสนเทศบนเว็บไซต์ควรใช้ภาษาที่ถูกต้อง
ถูกต้องตามหลัก ไวยากรณ์ และใช้ภาษาที่เป็นทางการ สละสลวย และสุภาพ
โดยไม่ใช้ภาษาปากหรือภาษาพูดที่ไม่สุภาพ
3.6.2 ไม่ควรมีคาสะกดที่ผิดพลาดในข้อความที่เผยแพร่บนสารสนเทศเว็บไซต์
3.7 เนื้อหาสารสนเทศบนเว็บไซต์ดังกล่าวไม่มีความลาเอียงในการนำเสนอสาระ
หรือการแสดงความคิดเห็น
โดยควรใช้ข้อเท็จจริงในการสนับสนุนการวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นดังกล่าว
4. Virtual Field Trip คืออะไร
การศึกษานอกสถานที่เสมือนจริง หมายถึง (Virtual Field Trip) เป็นการจาลองแบบสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงหรือสถานที่จริงด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทาให้ผู้เรียนได้เห็นจริงและเข้าใจง่าย
5. จงบอกความหมายของพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง พร้อมยกตัวอย่างด้วยการทำ Link เว็บพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงมาคนละ 1 เว็บไซต์
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง (Virtual museum) คือรูปแบบของการจัดนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ดั้งเดิมที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้สามารถดึงดูดความสนใจให้มีผู้เข้าชมและเรียนรู้
โดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต มาสร้างสื่อมัลติมีเดียหรือสื่อผสม
ให้เป็นภาพ 3 มิติ อาจเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็ได้ ดูภาพได้ทุกทาง
อาจมีเสียง คำบรรยายประกอบ
หรือเป็นวีดิทัศน์สั้น ๆ ให้ผู้ชมรู้สึกเสมือนอยู่ในสถานที่จริง
เป็นการประหยัดเวลา พลังงาน
งบประมาณจากการที่ต้องไปชมสถานที่จริง และยังชดเชยได้ในเรื่องของการดูวัตถุด้วยการหมุนวัตถุ
สามารถดูใกล้ ๆ ได้
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (ตึกลูกเต๋า)
6.ความหมายของเทคโนโลยี AR มีประโยชน์อย่างไรในการเป็นแหล่งการทรัพยากรการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
เทคโนโลยีเสมือนจริง หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เทคโนโลยี AR” (Augmented Reality) เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานเอาโลกในความเป็นจริงและโลกเสมือนที่สร้างขึ้นมาผสานเข้าด้วยกันผ่านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง
ๆ เป็นการสร้างข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบบนโลกเสมือน (virtual
world) เช่น ภาพกราฟิก วิดีโอ รูปทรงสามมิติ และข้อความ ตัวอักษร
ให้ผนวกซ้อนทับกับภาพในโลกจริงที่ปรากฏบนกล้อง
เทคโนโลยี AR แบ่งเป็น 2 ประเภท
ได้แก่
1. แบบที่ใช้ภาพสัญลักษณ์
2. แบบที่ใช้ระบบพิกัดในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลบนโลกเสมือนจริง
แบบที่แสดงอยู่นี้เป็นแบบที่ใช้ภาพสัญลักษณ์ซึ่งในทางเทคนิคแล้วเรียกว่า “Marker”
(มาร์คเกอร์) หรืออาจจะเรียกว่า “AR Code” ก็ได้ โดยใช้กล้องเว็บแคมในการรับภาพ
เมื่อซอฟท์แวร์ที่เราใช้งานอยู่ประมวลผลรูปภาพเจอสัญลักษณ์ที่กาหนดไว้ก็จะแสดงข้อมูลภาพสามมิติที่ถูกระบุไว้ในโปรแกรมให้เห็น
เราสามารถที่จะหมุนดูภาพที่ปรากฏได้ทุกทิศทางหรือเรียกว่าหมุนได้ 360 องศา
ประโยชน์ของเทคโนโลยี AR
1.เน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
2.ฝึกการเรียนรู้เน้นให้ผู้ใช้แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้นั้นมีส่วนร่วมจากการเรียนรู้ลงมือปฏิบัติจริง
3.เน้นให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้ด้วยตนเองตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์กับแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
4.ทันสมัยและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
. นอกจากจะสามารถสร้างความน่าสนใจในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนแล้ว
สื่อเสริมการเรียนรู้ AR ยังจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้กับผู้เรียน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เรียนที่สนใจด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์
เมื่อได้สัมผัสกับเทคโนโลยี AR พวกเขาอาจเกิดจินตนาการ
นำไปคิดต่อยอด พัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยี AR สำหรับการใช้งานในด้านอื่นๆ
ต่อไปได้ เนื่องจากในปัจจุบัน ในสาขาอาชีพต่างๆ ได้มีการนำเทคโนโลยี AR มาช่วยในการทำงานมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมรถยนต์
มีการใช้เทคโนโลยี AR มาสร้างภาพเครื่องยนต์แบบสามมิติสำหรับให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้การปฏิบัติงานประกอบรถยนต์
ในด้านการแพทย์ มีการใช้เทคโนโลยี AR ในการสร้างภาพเสมือนสามมิติให้นักศึกษาแพทย์ได้ฝึกใช้เครื่องมือแพทย์รักษาหรือผ่าตัดผู้ป่วยแบบไม่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยจริง
หรือในทางธุรกิจ มีการใช้เทคโนโลยี AR ในการแสดงภาพสินค้าแบบสามมิติที่อยู่ภายในกล่องโดยที่ไม่ต้องแกะกล่อง
ดังนั้น การที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ สัมผัส และทดลองใช้สื่อเสริมการเรียนรู้ AR
ในชั้นเรียน จะทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเทคโนโลยี
และมีความพร้อมที่เพิ่มพูนทักษะเกี่ยวกับเทคโนโลยีประเภทนี้
เมื่อต้องเรียนในระดับสูงหรือทำงานต่อไปในอนาคต
แหล่งอ้างอิง
http://www.com5dow.com/ไขปัญหาศัพท์-it/1831-url-คืออะไร.html
https://docs.google.com/document/d/1bMEnwdh5FKKqbf8s4khOHrUFP-Z7x8p_WWoBpo1ZYjw/edit
https://docs.google.com/document/d/1bMEnwdh5FKKqbf8s4khOHrUFP-Z7x8p_WWoBpo1ZYjw/edit
http://www.nsm.or.th/nsm2009/it/index.php?option=com_content&view=article&id=44%3Aaugmented-reality-technology&catid=29%3Aother&Itemid=35&lang=th
http://secondsci.ipst.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=336:armedia&catid=19:2009-05-04-05-01-56&Itemid=34